02-136-3479, 02-397-0287, 090-971-6299 LINE RDmedcare

OBSTRUCTIVE SLEEP APNEA (OSA)

การอุดกั้นของทางเดินหายใจขณะหลับ

ความเสี่ยงต่างๆ หากคุณเป็นโรค OSA

ความดันโลหิตสูง

โรคการอุดกั้นของทางเดินหายใจขณะหลับจะทำให้ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงอยู่แล้ว เกิดความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น การตื่นบ่อยในเวลากลางคืนเป็นสาเหตุให้ฮอร์โมนในร่างกายทำงานหนักมากขึ้น จึงส่งผลให้ความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้นจนอาจอยู่ในระดับอันตราย
เมื่อคุณหายใจไม่สะดวกขณะหลับจะทำให้ระดับอ๊อกซิเจนในเลือดลดลง ซึ่งอาจทำให้อาการของโรคแย่มากขึ้น
การรักษาอย่างทันท่วงทีสามารถสร้างความแตกต่างได้ ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงบางรายที่รักษาโรคการอุดกั้นของทางเดินหายใจขณะหลับ สามารถลดการรักษาโรคความดันโลหิตสูงได้

โรคหัวใจ

ผู้ป่วย OSA มีแนวโน้มที่จะเกิดภาวะหัวใจวายสูง สาเหตุอาจมาจากระดับออกซิเจนในร่างกายต่ำหรือเครียดจากการตื่นขึ้นบ่อยๆ ในตอนกลางคืน นอกจากนี้โรคหลอดเลือดสมองและภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ภาวะเหล่านี้ก็เชื่อมโยงกับโรค OSA เช่นกัน
เพราะการอุดตันของทางเดินหายใจขณะหลับส่งผลให้อ๊อกซิเจนเข้าไปในร่างกายลดลง ซึ่งทำให้เลือดสูบฉีดไปเลี้ยงสมองและเส้นเลือดในหัวใจยากขึ้น

โรคเบาหวานชนิดที่ 2

ภาวะการหยุดหายใจขณะหลับไม่ได้เป็นเรื่องไกลตัวสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผลการศึกษาพบว่า 80% ของผู้ป่วยโรคเบาหวานมีภาวะการอุดตันของทางเดินหายใจขณะหลับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยโรคอ้วนนั้น เสี่ยงทั้งโรคเบาหวานและภาวะการอุดตันของทางเดินหายใจขณะหลับ
แม้ว่าผลการศึกษาจะไม่เป็นที่แน่ชัดถึงความสัมพันธ์กันระหว่างภาวะการหยุดหายใจขณะหลับและโรคเบาหวานชนิดที่ 2 แต่การนอนหลับไม่เพียงพอจะทำให้ร่างกายได้รับอินซูลินไม่เพียงพอ ซึ่งทำให้เป็นโรคเบาหวาน

น้ำหนักเพิ่ม

น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นเป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะการหยุดหายใจขณะหลับได้ และทำให้ลดน้ำหนักได้ยากขึ้น
คนอ้วนมักจะมีไขมันสะสมที่คอซึ่งเป็นสาเหตุให้หายใจติดขัดในตอนกลางคืน
ภาวะการหยุดหายใจขณะหลับเป็นสาเหตุให้ฮอร์โมนกรีลิน (Ghrelin) หลั่งมากขึ้น ซึ่งฮอร์โมนนี้จะเร่งการเจริญอาหารทำให้รู้สึกหิวตลอดเวลา และเมื่อคุณนอนไม่พอ อาหารที่คุณทานเข้าไปนั้นจะไม่ถูกเผาผลาญเป็นพลังงานอย่างเพียงพอจึงกลายเป็นส่วนเกินของร่างกาย ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น
การรักษาภาวะการหยุดหายใจขณะหลับจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น มีพลังในการออกกำลังกายและทำกิจกรรมต่างๆ มากขึ้น

อุบัติเหตุทางรถยนต์

หากคุณรู้สึกสลึมสลือ นั่นหมายถึงความเสี่ยงในการเผลอหลับขณะขับรถยนต์ จากสถิติพบว่า ผู้ที่มีภาวะการหยุดหายใจขณะหลับมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากกว่าคนปกติถึง 5 เท่า

ผู้ชาย 3 ใน 10 คนและผู้หญิงเกือบ 1 ใน 5 คนมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

แสดงว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่มีอาการเช่นนี้


* จากผลการสำรวจของ Peppard et al. Increased Prevalence of Sleep-Disordered Breathing in Adults. Am J Epidemiol. 2013 (5.17) พบว่า ปัญหาการนอนไม่หลับเนื่องจากการหายใจนี้ เกิดขึ้น 34% ของผู้ชายและ 17% ของผู้หญิง ที่มีอายุระหว่าง 30-70 ปี

คุณมีอาการที่ว่ามาเหล่านี้อยู่หรือไม่ สละเวลาซักนิดเพื่อตอบคำถาม และดูซิว่าคุณกำลังเผชิญกับโรคนี้อยู่หรือไม่

เริ่มตอบคำถาม